คำถามที่พบบ่อย
เมโสหน้าใส และ เมโสแฟต
- ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ให้ผิวตึงกระชับ
- ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น อิ่ม ฟู ผิวเด้ง
- ลดผื่นแพ้ และสิว ฝ้า
- กระชับรูขุมขน
- ลดการสร้างเม็ดสี ทำให้ผิวกระจ่างใส
- ช่วยให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์มากขึ้น
- ผู้ที่การเห็นผลลัพธ์รวดเร็ว
- ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง
- นอนดึก อดนอน ผิวโทรม
- ต้องการการบำรุงเข้มข้น
- ผู้ที่อายุมากขึ้น การทาครีมภายนอกซิมสู่ผิวได้ไม่เต็ม ประสิทธิภาพ
- เมโสแต่ละยี่ห้อแตกต่างกันที่ส่วนประกอบของยา และความเข้มข้น
- ควรเลือกยาจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้เช่น ประเทศ, ห้องแล็บผู้ผลิต
- ประสิทธิภาพของยา/ สารออกฤทธิ์เข้มข้น จะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน
- เมโสแต่ละตัวจะขึ้นอยู่กับอาการ ปัญหาที่ต้องการรักษา และส่วนประกอบของยา บางตัวทำทุก 7 วัน และบางตัวทำทุก 14 วัน
- จำนวนครั้ง/ คอร์ส ประมาณ 4-5 ครั้ง ต้องทำต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นให้เซลล์ผิวได้รับการกระตุ้นอย่างสม่ำเสมอ จึงจะเกิดผลลัพธ์สูงสุด หลังจากจบคอร์สแล้ว Maintain เดือนละ 1 ครั้ง หรือ เดือนเว้นเดือน
- เห็นผลภายใน 3 วันหลังทำ(แต่ควรทำตามระยะเวลาแนะนำของผลิตภัณฑ์นั้น)
- ทำซ้ำทุก 1-2 เดือน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง
- ช่วยให้สภาพผิวหน้าดีขึ้น แข็งแรงขึ้น หน้าดูเด็กลง
- ช่วยให้ผิดหน้าขาวใสเป็นธรรมชาติ
- เห็นผลลัพธ์เร็วกว่าการทำครีม
- ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นาน ประมาณ 1-3 เดือน ขึ้นอยู่กับพื้นฐานผิวแต่ละคน(ถ้าทำต่อเนื่องจะทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น)
- งดดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 5 วันหลังทำ
เพื่อไม่ให้กระทบต่อการฟื้นฟูของเซลล์ผิว - งดแต่งหน้า ทาครีม อย่างน้อย 1 วัน เพื่อป้องกันการระคายเคืองจากรอยเข็ม
- หากมีอาการบวม ระบมใบหน้า ควรประคบเย็นและอยู่ในที่มีอากาศเย็น
- ห้ามนวด ถู เกา บริเวณที่ทำ เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคือง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร เพื่อช่วยบำรุงผิว
- ควรทาครีมกันแดด เป็นประจำ
- เมโสหน้าใสบางยี่ห้อผู้แพ้อาหารทะเลไม่ควรใช้
- ข้อควรระวัง : ผู้ที่แพ้อาหารทะเลไม่ควรใช้
- ควรให้แพทย์เป็นผู้ประเมิน
- ข้อควรระวัง : อาการปวด บวมเล็กน้อย(ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)ผู้ที่แพ้
- อาหารทะเลไม่ควรใช้ ควรให้แพทย์เป็นผู้ประเมิน
กระตุ้นการทำงานของ Growth Factor เร่งการสร้างคอลลาเจน ซ่อมแซมเซลส์ได้ดี
- ควรให้แพทย์เป็นผู้ประเมิน
เพิ่มความหนาแน่นของผิว เน้นกระชับ เพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิว
- ควรให้แพทย์เป็นผู้ประเมิน
เติมความชุ่มชื้นให้ผิว ด้วยสารสกัดจาก ไฮยาลูรอนิคเข้มข้น
- ควรให้แพทย์เป็นผู้ประเมิน
กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ที่เสียหาย ลดเลือนริ้วรอย
- ควรให้แพทย์เป็นผู้ประเมิน
- ลดไขมัน
- กระชับสัดส่วน
- ลดผิดเปลือกส้ม
- คนที่มีไขมัน เล็กน้อยถึงปานกลาง หนาๆ
- คนที่ไม่อยากออกกำลังกาย
- ต้องการลดสัดส่วนอย่างรวดเร็ว
- ต้องการลดไขมันเฉพาะจุด
- เมโสแต่ละยี่ห้อแต่ต่างกันที่ส่วนประกอบของยา และความเข้มข้น
- ควรเลือกยาจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้เช่น ประเทศ, ห้องแล็บผู้ผลิต
- ประสิทธิภาพของยา/ สารออกฤทธิ์เข้มข้น จะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน
- ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการรักษา และส่วนประกอบของยา บางตัวทำทุก 7 วัน และบางตัวทำทุก 21-30 วัน
- จำนวนครั้ง/ คอร์ส ประมาณ 4-5 ครั้ง ต้องทำต่อเนื่องจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
- เห็นผลชัดเจนเต็มที่ประมาณ 2-3 สัปดาห์หลังทำ (ขึ้นอยู่กับไขมันบริเวณที่ทำ)
- เห็นผลลัพธ์เร็วกว่าการออกกำลังกาย
- ใช้เวลาในการทำไม่นาน แต่เห็นผลชัดเจน
- งดดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 5 วันหลังทำ
- หลีกเลี่ยงการอบซาวน่า หรือทำเลเซอร์ อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- ห้ามกดหรือนวด บริเวณที่ทำ ตัวยาจะค่อยๆ ซึมและยุบไปเอง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร การดื่มน้ำจะช่วยให้ไขมันถูกขับออกจากร่างกายได้มากขึ้น
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหาร เพื่อไม่ให้ไขมันกลับมาอีก
- เมโสบางยี่ห้อไม่ควรใช้สำหรับผู้แพ้อาหารทะเล, แพ้ถั่ว
- งดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนทำเมโสแฟต อย่างน้อย 1-2 วัน เพราะแอลกอฮอล์มีผลต่อการไหลเวียนของเลือดอาจทำให้เกิดอาการบวมช้ำได้มากขึ้น
เหมาะกันคนแก้มเยอะ สามารถช่วยยกกระชับหน้า ช่วยในการป้องกัน Elastin และ Hyaluronic ในชั้นผิวไม่ให้เสื่อมสภาพ ช่วยลดบวม ลดไขมันกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญในร่างกาย ทำให้ช่วยลดไขมันได้ดี และเห็นผลไวโดยที่ไม่ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อยหลังไขมันลด
- ข้อดี : ยุบดีและไว
- ข้อควรระวัง : ขณะทำจะรู้สึกแสบกลางๆ
- ควรให้แพทย์เป็นผู้ประเมิน
- ข้อดี : ราคาไม่แพง
- ข้อควรระวัง : ขณะทำจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย
- ควรให้แพทย์เป็นผู้ประเมิน
- ข้อดี : ราคาไม่แพง, ไม่ปวด, ไม่บวม, ไม่ช้ำ
- ข้อควรระวัง : ขณะทำจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย
- ควรให้แพทย์เป็นผู้ประเมิน
- ข้อดี : ราคาไม่แพง, ไม่ปวด, ไม่บวม, ไม่ช้ำ
- ข้อควรระวัง : ขณะทำจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย
- ควรให้แพทย์เป็นผู้ประเมิน
- ข้อดี : ราคาไม่แพง, ให้ผลดี
- ข้อควรระวัง : ขณะทำจะรู้สึกเจ็บ (ตอนยาเดิน)
- ควรให้แพทย์เป็นผู้ประเมิน
- ผลข้างเคียงจากยา : อาการปวด บวมเล็กน้อย ระบม มีจุดเขียวช้ำ (พบบางจุด) ซึ่งเกิดจากปฎิกิริยาของยากับไขมัน
- บริเวณแนะนำ : บริเวณไขมันก้อนใหญ่ หนา อยู่ชั้นลึกสามารถบีบหยิบขึ้นมาได้เป็นก้อน เช่น หน้าท้อง นมน้อย ปีกสะบักหลัง ต้นขา
- บริเวณที่ไม่ควรใช้ : บริเวณใบหน้า ต้นแขนที่นิ่มๆ ไขมันไม่เยอะเพราะอาจเกิดผลข้างเคียงได้มากกว่า
ทรีทเม้นท์ Genosys Power Solution
ส่วนผสมที่เป็นมิตรกับผิว ไม่มีสารเติมแต่งที่เป็นอันตราย เช่น พาราเบน,
เอธานอล, น้ำหอม, เม็ดสีสังเคราะห์, สารลดแรงตึงผิว
ยังไม่ได้รับรายงานผลข้างเคียง
- หลีกเลี่ยงการเจอแดดแรงๆ อย่างน้อย 1-2 วัน
- งดดื่มแอลกอฮอลล์และงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 5 วันหลังทำ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการฟื้นฟูของเซลล์ผิว
- งดแต่งหน้า ทาครีม อย่างน้อย 1 วัน
- ห้ามนวด ถู เกา บริเวณที่ทำทรีทเม้นท์ เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคือง
- ดื่มน้ำสะอาดเยอะๆ เพื่อช่วยบำรุงผิว
- ส่วนผสมของยามีความปลอดภัยสูง ไม่พบอาการยาไปกระจุกเป็นจุด ๆ
- เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวเจ็บ และประสิทธิภาพไม่แพ้การฉีด
ผิวผสมและผิวมัน
PCS จัดเป็นเวชสำอางที่นำมาใช้เพื่อรักษาสิว เน้นสารสำคัญสกัดมาจากพืชธรรมชาติ ช่วยยับยั้งการทำงานของเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว โดยมีสารสำคัญหลายชนิด ที่ออกฤทธิ์ครอบคลุมทุกขั้นตอนการเกิดสิว ลดเชื้อสิว ลดการอักเสบ ผลัดเซลล์เก่าออกไป ให้ความชุ่มชื้น ลดรอยแดงและรอยดำจากสิว กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ผิวแข็งแรง ลดการระคายเคือง
ไม่มีผลข้างเคียงหลังเลิกใช้ ไม่มีอาการดื้อยาแบบยาทาสิวที่ใช้ทั่วไปตามท้องตลาด
- เหมาะกับสิวทุกชนิด เช่น สิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวในวัยรุ่น ที่ผิวบอบบาง และต้องการหลีกเลี่ยงการกินยารักษาสิว ฉีดสิว ยาทาสิว
- ช่วยลดขนาดของหัวสิว และลดการอักเสบของสิว
- ควรทำต่อเนื่องกัน 4-5 ครั้ง จึงจะเห็นผล
- สิวเกิดจากหลายปัจจัย ควรเลี่ยงปัจจัยอื่นๆ ที่กระตุ้นให้เกิดสิวใหม่ ร่วมด้วย
- ควรใช้เฉพาะจุด กับบริเวณที่เป็นสิว ไม่ควรทาทั่วหน้า
- กรณีใช้ไม่หมด 1 ขวด สามารถเก็บไว้ใช้ครั้งถัดไปได้ (ควรใช้ให้หมดภายใน 1 เดือน)
อาจเกิดจากระยะที่สิวอุดตันที่ฝังตัวอยู่ใต้ผิวกำลังโผล่ขึ้นมา ในบางเคสการทำทรีทเม้นท์อาจไปกระตุ้นได้ แต่สิวจะค่อยๆ ยุบตัวลง และลดปริมาณลงประมาณ 2-3 สัปดาห์
ไม่แนะนำให้ใช้ร่วมกัน เพราะ PCS มีสารสำคัญที่ครอบคลุมทุกสาเหตุการเกิดสิวครบถ้วนแล้ว
- จุดที่เป็นสิวควรใช้สูตร PCS
- จุดที่เป็นรอยดำจากสิว หลังจากสิวหายแล้ว ควรใช้สูตร SWS
- เมื่อเคลียร์สิวสงบแล้ว ไม่มีการอักเสบเพิ่มอีก จึงค่อยมารักษาหลุมสิว ควรใช้สูตร CTS
ทุกสภาพผิว
มีส่วนประกอบหลายชนิด ที่ช่วยจัดการทุกขั้นตอนของการเกิดฝ้า กระ โดยสารเหล่านี้จะทำหน้าที่ช่วยยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสี ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มความชุ่มชื้นลดอาการอักเสบ และอาการแพ้ ทั้งยังช่วยซ่อมแซมผิวที่เสียและกระตุ้นการสร้างผิวใหม่
SWS ไม่มีสารจำพวกกรด ที่ผลัดเซลล์ผิว จึงไม่ก่อให้เกิดผิวบางหรือแสบผิว แต่มีเปปไทด์ และสเตมเซลล์จากพืช ที่ช่วยฟื้นฟูให้ผิวแข็งแรงขึ้นและช่วยเพิ่มความหนาของผิว
สามารถทาได้ทั่วหน้า และใต้ตา แต่ควรเน้นบริเวณที่มีฝ้า กระ และผิวหมองคล้ำ มากกว่าจุดอื่น
ทุกสภาพผิว
ตัวยาซึมสู่ผิวได้ดีกว่า ถ้าทำทรีทเม้นที่คลีนิค นอกจากลดริ้วรอยแล้ว ยังช่วยให้ผิวกระชับขึ้นด้วย
ควรทำต่อเนื่อง สัปดาห์ละครั้ง
ผิวแห้ง และทุกสภาพผิว
- เป็น HA เหมือนกัน แต่ต่างกันที่ความเข้มข้น และเทคนิคการทำให้น้ำยาซึมเข้าชั้นใต้ผิว
- เป็น HA ที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ ทำให้ดูดซับได้มากยิ่งขึ้น
HES หลังการร้อยไหม จะช่วยเติมความอวบอิ่มยาวนานขึ้น
ควรทำต่อเนื่อง สัปดาห์ละครั้ง
ทุกสภาพผิว กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ช่วยให้ผิวคงความยืดหยุ่นตามธรรมชาติและเพิ่มความแข็งแรงของผิว
ควรทำต่อเนื่องกัน 4-5 ครั้ง จึงจะเห็นผล
ผู้แพ้อาหารทะเลควรระมัดระวัง
ผิวแห้งและทุกสภาพผิว เน้นฟื้นฟู เติมความชุ่มชื้นให้ผิว
ควรทำต่อเนื่องกัน 4-5 ครั้ง จึงจะเห็นผล